American History X 1998 (อเมริกันนอกคอก พ.ศ. 2541) ภาพยนตร์ดราม่าอาชญากรรมอเมริกัน เกี่ยวข้องกับแก๊งค์นีโอนาซีใหม่ในอเมริกา กับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชีวิตครอบครัว การต้องโทษติดคุก แลอาชญากรรม ผลงานการกำกับโดยโทนี่ เคย์ ผลงานการเขียนของ เดวิด แม็คเคนน่า ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยเอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง, เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน, เบฟเวอรี่ ดี แองเจลโล, อีธาน ซัปลี, ไฟรูซะ บาล์ค, แอลเลียต โกลด์, เอฟเวอรี่ บรู๊คส์, สเตซี่ คีช, กาย ทอร์รี โดยที่นักแสดงเอ็ดเวิร์ด นอร์ตันและเฟอร์ลองมีฐานะเป็นพี่น้องแท้ๆร่วมแสดงด้วยกัน
อเมริกันนอกคอก เป็นเรื่องราวของ แดนนี่ วินยาร์ด เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดในสังคมเหยีดสีผิว ที่ต้องได้รับผลกระทบจากครอบครัวที่มีปัญหาจากกการเสียชีวิตของพ่ออยู่ร่วมกับแม่ดอลลิส วินยาร์ด พี่ชายที่เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัวและฮีโร่ของเขา เดเร็ก วินยาร์ดเป็นรองหัวหน้าแก็งค์นีโอนาซีใหม่ในอเมริกา ขาโหดที่ต้องติดคุกในข้อหาคดีฆาตกรรมโจรผิวสีดวงกุดที่มาปล้นผิดบ้าน เค้าได้พบความเป็นจริงกับโลกภายในคุกที่โหดดิบและร้ายกว่า โดยทำลายความเชื่อความศรัทธาทั้งหมดกับลิทธิแก็งค์ของเขา ที่มีผลกระทบถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้มีแนวคิดใหม่ที่มีกับคนผิวสี และกลุ่มของเค้า เมื่อได้พ้นโทษจากเรือนจำจึงทำทุกอย่างให้ครอบครัวร่วมทั้งเพื่อนเซท ไรอัน(อีธาน ซัปลี) แฟนของเขาสเตซี่(ไฟรูซะ บาล์ค) และน้องชายอันเป็นที่รักออกจากวังวนปัญหาความรุนแรงในสังคมแก็งค์นำไปสู่จุดจบของปัญหาทั้งหมด
วันที่ออกฉาย : 30 ตุลาคม 2541(สหรัฐอเมริกา)
ผู้กำกับภาพยนตร์ : โทนี่ เคย์
เขียนบทภาพยนตร์ : เดวิด แม็คเคนน่า
อำนวยการสร้างภาพยนตร์ : จอห์น มอร์ริสเซย์
กำกับภาพ : โทนี่ เคย์
ตัดต่อ : เจอร์รี่ กรีนเบิร์ก l อลัน เฮม
ดนตรีประกอบ : แอน ดัดลีย์
ค่ายผลิต : นิวไลน์ซีนีม่า l เทอแมน-มอริสซีย์ คอมพานี
จัดจำหน่าย/เผยแพร่ : นิวไลน์ซีนีม่า
ความยาว : 1 ชม. 59 นาที
งบประมาณการสร้าง : 20 ล้านดอลล่าสหรัฐ
รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ : 23.9 ล้านดอลล่าสหรัฐ
รางวัลที่ได้รับ :
แซทเทิลไลท์อวอร์ด สาขานักแสดงนำดราม่าชายยอดเยี่ยม
พ.ศ. 2541 · เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน
แดนนี่ วินยาร์ด (เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง) นักเรียนมัธยมปลายที่เขียนเรียงความส่งอาจารย์เรื่อง Mein Kampf (1925)เป็นหนึ่งในหนังสืออัตชีวประวัติผลงานของหัวหน้าพรรคนาซีอดอล์ฟฮิตเลอร์ จึงทำให้มีปัญหาทางด้านอคติทางความคิดกับอาจารย์ประวัติศาสตร์ชาวยิวของเขาอย่างอาจารย์เมอร์รีย์ (แอลเลียต โกลด์) เป็นเหตุให้ต้องเข้าห้องปกครองเพื่อปรับทัศนคติ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของด็อกเตอร์บ็อบ สวีนีย์(เอฟเวอรี่ บรู๊คส์)หรือถูกไล่ออกจากโรงเรียน บอกว่าเขาจะให้แดนนี่ศึกษาประวัติศาสตร์ผ่านเหตุการณ์ปัจจุบันเรียกว่า “American History X ” และงานที่ถูกมอบหมายครั้งแรกของแดนนี่ คือเรียงความเกี่ยวกับเดเร็ก วินยาร์ด (เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน) พี่ชายแท้ๆของเขาซึ่งเป็นอดีตผู้นำรองหัวหน้าแก็งค์นีโอนาซีใหม่ ที่่จะได้รับการปล่อยตัวจากคุกในวันนี้ ในห้องน้ำแดนนี่พบว่านักเรียนผิวสีสามคนรังแกนักเรียนผิวขาวเค้าจึงเข้าไปช่วยด้วยความที่เค้าฝักใฝ่ในเรื่องเหยียดผิวที่ทุกคนในโรงเรียนต่างรู้ดีอยู่แล้ว
ดร.สวีนีย์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีของดีเร็กพี่ชายแดนนี่ เล่าว่าเมื่อหลายปีก่อนพ่อของแดนนี่และดีเร็กที่มีอาชีพเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ถูกยิงโดยพ่อค้ายาเสพติดผิวสีขณะที่กำลังก่อเหตุเพลิงไหม้ ในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตดีเร็กโกรธกล่าวโทษคนผิวสีรวมถึงแสดงอาการก้าวร้าวผ่านสื่ออย่างเห็นได้ชัดในเรื่องการแบ่งแยกเชื้อชาติ
คาเมรอน อเล็กซานเดอร์(สเตซี่ คีช)ผู้อาวุโสที่ปรึกษาแก็งค์นีโอ-นาซีและเปรียบเสมือนเป็นผู้นำกลุ่ม ที่ผู้จัดตั้งแก๊งนีโอ-นาซีขวาจัดสุดโต่งนี้ขึ้นมาในย่านหาดเวนิส ลอสแองเจลิส โดยมีกลุ่มหัวรุนแรงเหยียดผิว Disciples of Christ (DOC) ที่มีดีเร็กเป็นหัวหน้าหลักของกลุ่มหน้าที่ของพวกเค้าก็คือเล่นงานพวกคนผิวสีหรือชาวยิวที่พวกเค้าเชื่อว่ามาแสวงหาผลประโยชน์จากประเทศของพวกเค้า โดยผลงานแรกคือบุกถล่มในซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยมีพนักงานที่ชาวเอเชีย ที่พวกเค้าเรียกว่า”พวกลิงเหลือง “ทำให้พนักงานเจ้าของร้านต้องเผชิญกับความรุนแรงทำลายข้าวของและแกล้งเชิงสัญลักษญ์ในลักษณะการเหยียดเชื้อชาติโดยบันทึกวิดีโอเพื่อเก็บผลงานเอาไว้
แม่ของดีเร็ก ดอลลิส วินยาร์ด ( เบฟเวอรี่ ดี แองเจลโล )ชวนมิสเตอร์เมอร์เรย์ไปทานอาหารเย็นร่วมกันโดยมีเซท ไรอัน(อีธาน ซัปลี)เพื่อนสนิทของดีเร็ก และแฟนของเขาสเตซี่ ( ไฟรูซะ บาล์ค )ซึ่งทั้งหมดอยู่ในแก็งเหยียดผิว ทำให้มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดระหว่างมิสเตอร์เมอร์เรย์กับเดเร็ก วินยาร์ดผู้พี่โดยทีพวกพ้องให้ท้ายเกี่ยวกับคดีของร็อดนีย์ คิง ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างชาวอเมริกันรวมถึงนักเขียนและนักกิจกรรมหลังจากรอดชีวิตจากการกระทำที่ โหดร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจลอสแองเจลิสในวันที่ 3 มีนาคม 1991 และเหตุการก่อจลาจลในลอสแองเจลิส ปี1992เป็นเหตุให้อาหารมื้อนี้ไม่อร่อยอีกต่อไป ในคืนนั้นมีกลุ่มโจรผิวสีคู่อริแก็งค์Crips กลุ่มแก็งค์ผิวสีที่มีปัญหาเรื่องถิ่นที่สนามบาสเวนิสบิช พยายามที่จะขโมยรถของดีเร็กก่อนที่จะโดนยิงไปหนึ่งและสังหารหนึ่งคนอย่างโหดร้ายด้วยเท้าเปล่าอีกด้วย โดยที่มอบตัว ณ ที่เกิดเหตุ ถูกตัดสินจำคุกสามปีในเรือนจำนักโทษชายรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยข้อหาการฆาตกรรมผู้อื่นโดยเจตนาในคุกดีเร็กเข้าร่วมกับ Aryan Brotherhood หรือ AB เป็นกลุ่มนีโอ-นาซีบ้านในประจำคุก ที่จัดตั้งเป็นองค์กรอาชญากรรมขึ้นในสหรัฐอเมริกาโดยมีสมาชิกประมาณกว่า15,000-20,000คน เข้าและออกคุกวนเวียนอยู่ ส่วนงานประจำของดีเร็กคือซักรีดร่วมกับลามอนต์ (กาย ทอร์รี)ชายผิวดำคนหนึ่งซึ่งแน่นอนเค้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ระหว่างดีเร็กกับลามอนต์ก็ดีขึ้นเมื่อพวกเค้าเริ่มคุยกันเรื่องบาสเก็ตบอลที่ทั้งคู่ต่างชอบ และเห็นความดีของชายผิวสีคนนี้เป็นเหตุเพื่อนร่วมแก็งค์ภายในคุกไม่พอใจที่เค้าคบคนผิวสีแล้วตีตัวออกห่าง เป็นเหตุทำให้ดีเร็กถูกเพื่อนร่วมแก็งค์รุมทำร้ายและข่มขืนในห้องน้ำเพื่อเป็นการสั่งสอนที่หันหลังให้กับกลุ่ม ทำให้กำแพงความศรัทธาเชื่อมั่นในแก็งค์ของเค้าพังทลายลงในวันนั้น
ดร.สวีนีย์ได้ไปเยี่ยมดีเร็กที่โรงพยาบาลโดยมีความพยายามที่จะช่วยทำเรื่องช่วยเหลือให้ออกจากคุกรวมถึงเตือนสติเค้าเกี่ยวกับแก็งค์ที่เค้าศรัทธา เมื่ออาการดีขึ้น>ดีเร็กก็ตัดสินใจไม่กลับไปอยู่กับแก็งอารยันนีโอ-นาซีอีก ทำให้ลามอนต์เตือนว่าเขาอาจตกเป็นเป้าหมายของแก๊งผีสีแทนเมื่อไม่มีพวกคุ้มกันในคุกมันจะอยู่ยากแต่เหตุการณ์รุนแรงก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเค้าดูเหมือนแก็งค์ผิวสีก็ไม่ได้โหดร้ายอย่างไม่มีเหตุผลเหมือนอย่างพวกเค้า ดีเร็กใช้เวลาที่เหลือเรือนจำเพียงลำพังกับการอ่านหนังสือจากดร.สวีนีย์ จนเช้าในวันที่เขาได้รับการปล่อยตัวเค้าได้พูดคุยกับลามอนต์ทำให้คิดในใจหรือลามอนต์อาจเป็นเหตุผลที่ดีเร็กไม่ถูกโจมตีจากแก็งค์ผืวสี เมื่อกลับมาบ้านดีเร็กพบว่าแดนนี่น้องชายเลียนแบบเค้าทุกอย่างเล่นบาส เริ่มมีรอยสักสัญลักษณ์ รวมถึงเข้าร่วมแก็งอยู่ในกลุ่มหัวรุนแรงDOCและทรงผมสกินเฮด ดีเร็กพยายามเกลี้ยกล่อมให้น้องชายออกจากวังวนความรุนแรงแต่ในขณะที่แดนนีรู้สึกว่าเค้าถูกหักหลังโดยพี่ชาย ส่วนเพื่อนที่ดีที่สุดของดีเร็กอย่างเซท ไรอันและแฟนของเขาสเตซี่เข้ามาชวนเค้าไปงานฉลองการกลับมาของตัวเค้าเอง ทั้งคู่เหมือนจะมีความเชื่อในลัทธิอย่างสุดโต่งถลำลึกเข้าไปมากว่าเดิมเหมือนถูกคาเมรอนผู้นำกลุ่มล้างสมองและควบคุมพวกเค้าทั้งหมด
คืนนั้นในงานปาร์ตี้ของแก็งที่จัดเพื่อเป็นเกียรติแก่ดีเร็กที่เปรียบเสมือนวีรบุรุษของพวกเค้า แต่ดีเร็กไม่ได้ไปเพื่อความสนุกแต่กลับจะไปบอกคาเมรอนว่า ตัวเค้าและแดนนี่น้องชายจะไม่เกี่ยวข้องกับการแก็งค์อีกต่อไป ก่อนที่จะเกิดการต่อสู้กันวุ่นวายโดยที่มีดีเร็กเป็นกบฎ ผู้ทรยศก่อนจะหนีไปพร้อมกับแดนนี่น้องชาย แดนนี่ไม่เข้าใจในตัวพี่ชายเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นดีเร็กบอกแดนนี่เกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาในเรือนจำซึ่งดูเหมือนจะกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงในตัวของแดนนี่ ทั้งคู่กลับบ้านเริ่มลบโปสเตอร์เกี่ยวกับการเหยียดสีผิวทั้งหมดออกจากห้องนอนรวมของพวกเขาในคืนนั้นและพร้อมจะเป็นคนใหม่กับแนวคิดใหม่ เช้าวันรุ่งขึ้น แดนนี่พร้อมกับเรียงความที่จะไปส่งดร.สวีนีย์ที่โรงเรียนเพื่อแก้ทัณฑ์บน เค้าเขียนถึงเรื่องความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อบกพร่องของพวกชาวแก็งค์นีโอ-นาซีนอกจากนี้เขายังแสดงความคิดเห็นว่าสาเหตุที่พี่ชายของเค้าดีเร็กมีมุมมองแบ่งแยกเชื้อชาติอาจเกิดขึ้นจากความโกรธจากการเสียชีวิตของพ่อเมื่อหลายปีก่อน อีกทั้งสมัยที่มีชีวิตอยู่พ่อของพวกเขาก็เป็นคนที่มีแนวคิดเหยียดผิวคอยพูดปลูกฝังพวกเค้ามาเป็นทุนเดิมอยู่บ่อยครั้ง
สวีนีย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งดีเร็กว่าแดนนี่ถูกยิงโดยนักเรียนผิวสีที่เคยเผชิญหน้าในห้องน้ำเมื่อวันก่อน ดีเร็กวิ่งไปที่โรงเรียนและประคองศพของแดนนี่น้องชายและได้แต่โทษตัวเองเพราะมีอิทธิพลต่อชีวิตแดนนี่ที่เรียนแบบพี่ชายแม้พวกเค้าพยายามจะเปลี่ยนตัวเองใหม่แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ในตอนท้ายของเรียงความมีการอ้างถึงบทสุดท้ายในการกล่าวคำปราศรัยครั้งแรกของอับราฮัมลินคอล์น ที่ถูกส่งมอบในวันจันทร์ที่ 4 มีนาคม ค.ศ.1861 เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับกระแสตอบและรับคำวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงบวก โดยมีเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์รอตเทนโทเมโทส์ได้รับการจัดอันดับความเห็นชอบ 83% จากความคิดเห็นจากนักวิจารณ์ทั้งหมด83 รายการโดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่7.33/10 ผลความคิดเห็นส่วนใหญ่นักวิจารณ์ของเว็บไซต์บอกว่า” American History X 1998 เรื่องราวน่าดึงดูดใจและน่าติดตามร่วมกับนักแสดงนำชายเอ็ดเวิร์ด นอร์ตันที่เล่นได้ยอดเยี่ยม ” อีกทั้งMetacritic หรือริดิค เว็บไซต์ที่รวบรวมบทวิจารณ์ภาพยนตร์และสื่อต่างๆให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ 62/100 คะแนน จากความคิดเห็นจากนักวิจารณ์ทั้งหมด 32 รายการต่างให้คำวิพากษ์วิจารณ์ไปในเชิงบวก