Braveheart 1995 วีรบุรุษหัวใจมหากาฬ 2538 ภาพยนตร์ดราม่าสงครามชีวประวัติ มหากาพย์ในปี 1995 ที่กำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์โดย เมล กิบสัน ผู้รับแสดงบท วิลเลียม วอลเลซ นักสู้ชาวสกอตแลนด์ในศตวรรษที่ 13 ผู้ล่วงลับไปแล้วเรื่องราวได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีมหากาพย์เรื่อง The Actes and Deidis of the Illustre and Vallyeant Campioun Schir William Wallace ถูกดัดแปลงให้เป็นบทภาพยนตร์โดยแรนดัลล์ วอลเลซ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากชีวิตของวอลเลซซึ่งเป็นผู้นำสกอตในสงครามประกาศอิสรภาพครั้งแรกของสกอตแลนด์ให้ปลดตนเองออกจากการเป็นเมืองขึ้นของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ ภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมนำแสดงโดย แคทเธอรีน แมคคอร์แมก, โซฟี มาร์โซ, แพทริก แมคกูฮน, เบรนดัน กลีสัน, ไบรอัน ค็อกซ์, แอนกัส แมคฟไดเียน, เจมส์ คอสโม่
วันที่ออกฉาย : 24 พฤษภาคม 1995 (สหรัฐอเมริกา)
ผู้กำกับภาพยนตร์ :เมล กิบสัน
เขียนบทภาพยนตร์ :แรนดัลล์ วอลเลซ
อำนวยการสร้าง :เมล กิบสัน l อลัน แลดด์ จูเนียร์ l บรูซ ดาเวย์
กำกับภาพ : จอห์น โทล
ตัดต่อภาพยนตร์: สตีเว่น โรเซนบลูม
ดนตรีประกอบ : เจมส์ ฮอร์เนอร์
ค่ายผลิต : ไอคอน โปรดักชั่น l เดอะแลดด์ คอมพานี
จัดจำหน่าย/เผยแพร่ : พาราเมาต์พิกเจอส์ l ทเวนตีเฟิสต์เซนจูรีฟอกซ์
ความยาว : 2 ชม. 18 นาที
งบประมาณการสร้าง : 65–70 ล้านดอลล่าสหรัฐ
รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ : 210.4 ล้านดอลล่าสหรัฐ
ในปี1280 กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่1 แห่งอังกฤษหรือพระนามเดิมคือ”เอ็ดเวิร์ด ลองแชง”(แพทริก แมคกูฮน) ได้เข้ายึดครองประเทศสกอตแลนด์ หลังจากการเสียชีวิตของอเล็กซานเดอร์ ที่3 แห่งสกอตแลนด์ ผู้ซึ่งไม่เหลือทายาทแห่งบัลลังก์วิลเลียม วอลเลซ(เมล กิบสัน) รอดชีวิตจากการตายของพ่อและพี่ชายของเขาและถูกพาไปต่างประเทศในการเดินทางไปทั่วยุโรปโดยลุงของเขาอาร์กายล์ วอลเลซ(ไบรอัน ค็อกซ์) หลายปีต่อมาในปี1297 กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่1ได้มอบที่ดินและศักดินาสิทธิประโยชน์ในการปกครองให้แก่ขุนนางในสกอตแลนด์เพื่อให้มีใจสวามิภักดิ์กับคนในขณะเดียวกันวอลเลซที่โตแล้วก็กลับมาที่สกอตแลนด์และตกหลุมรักเพื่อนในวัยเด็กของเขา เมอรอล แมคคาลนาส (แคทเธอรีน แมคคอร์แมก)และทั้งคู่แต่งงานกันอย่างเป็นความลับ วอลเลซช่วยเมอรอลจาการถูกข่มขืนโดยทหารอังกฤษที่เข้ามายึดสกอตแลนด์ในขณะนั้น แต่เมื่อเธอต่อสู้กับความพยายามครั้งที่สองโดยทหารอังกฤษเมอรอลก็ถูกจับกุมและถูกตัดสินประหารชีวิตวอลเลซทนไม่ไหวกับการกระทำของอังกฤษจุงแก้แค้นนำพรรคพวกของเขาที่ไม่พอใจทหารอังกฤษที่มายึดเมืองอยู่ก่อนแล้วบุกเข้าไปสังหารทหารอังกฤษ และส่งทหารรักษาการณ์ที่เมืองลานาร์กกลับไปบอกข่าวที่อังกฤษ
กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่1 เอ็ดเวิร์ด ลองแชง จึงสั่งการให้เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่สองลูกชายของเขาหยุดวิลเลียม วอลเลซผู้ก่อกบฏด้วยวิธีการใดๆก็ได้ที่จำเป็นในขณะเดียวกันเมื่อเรื่องราวของวอลเลซกระจายออกไปทั่วสกอตแลนด์ เพื่อนของวอลเลซที่มีใจกบฏต่ออังกฤษฮามิช(เบรนดัน กลีสัน) ก็มานำสมัครพรรคพวกหลายร้อยคนจากเผ่ารอบๆสมทบ เมื่อมีกำลังพลพอที่จะสู้ในวันที่11 กันยายน 1297 วอลเลซจึงนำทัพของเขาไปบุกโจมตีเมืองยอร์ก เป็นการต่อสู้ที่สะพานสเตอร์ลิง”Battle of Stirling” และได้รับชัยชนะทำลายเมืองฆ่าหลานชายของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ด ลองแชงซึ่งปกครองเมืองในขณะนั้น และส่งหัวที่ถูกตัดไปให้กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่1
กษัตริย์เอ็ดเวิร์ด ลองแชงส่งพระนางอิซาเบลลาแห่งฝรั่งเศส(โซฟี มาร์โซ) ภรรยาของลูกชายเอ็ดเวิร์ดที่สองไปเจรจากับวอลเลซ แต่เมื่อพระนางอิซาเบลลาพบกับวอลเลซกลับหลงใหลชอบพอในตัวเขากลับกลายเป็นเธอเตือนเขาถึงการบุกรุกที่จะมาถึง และวอลเลซจึงขอความช่วยเหลือจากโรเบิร์ต บรูซ(แอนกัส แมคฟไดเียน)ลูกชายของขุนนางใหญ่และเป็นผู้มีสิทธิ์ในมงกุฎของสกอตแลนด์ให้เป็นผู้นำรวมรวบขุนนางชาวสกอตแลนด์เพื่อตอบโต้การคุกคามจากอังกฤษและนำประเทศสกอตแลนด์กลับคืน ในปี 1298 ผู้นำกองทัพอังกฤษกษัตริย์เอ็ดเวิร์ด ลองแชง เผชิญหน้ากับชาวสก็อตที่เมือง ฟัลเคิร์ก เมื่อเริ่มศึกขุนนางสกอตแลนด์กลับหักหลังวอลเลซโดยชักกำลังพลถอยกลับ หลังจากถูกกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดติดสินบนส่งผลให้เกิดการตายจำนวนมากร่วมถึงแคมป์เบล(เจมส์ คอสโม่)พ่อของฮามิชผู้ร่วมขบวนการและต้องถอยทัพพ่ายแพ้ต่อสงครามครั้งนี้ วอลเลซตามฆ่าขุนนางชาวสกอตแลนด์ที่ทรยศและเก็บตัวเพื่อวางแผนทำสงครามกองโจรต่อต้านอังกฤษ โดยได้รับความช่วยเหลือจากอิสซาเบลล่า ซึ่งในที่สุดเขาทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ต่อมาในปี 1305 โรเบิร์ต บรูซได้นัดพบกับวอลเลซในเอดินเบอระเพื่อวางแผนการขั้นต่อไป แต่พ่อของโรเบิร์ตได้สมคบกับเหล่าขุนนางคนอื่นจับตัววอลเลซมอบให้กับทางการอังกฤษ
ใจกลางจตุรัสลอนดอนวอลเลซถูกนำตัวต่อหน้าผู้พิพากษาชาวอังกฤษในข้อหากบฏต่ออังกฤษแต่วอลเลซก็ปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อพระราชา ฝูงชนที่เฝ้าดูความกล้าหาญของชาวสก็อตผู้นี้เริ่มรู้สึกเศร้าด้วยความเมตตา การประหารชีวิตวิลเลียม วอลเลซ ส่งผลให้ในปี1314 โรเบิร์ต บรูสซึ่งปัจจุบันเป็นกษัตริย์ของสกอตแลนด์ได้นำทัพสก็อตเข้าไปต่อสู้กับอังกฤษอีกครั้งเพื่อเรียกอิสระภาพคืนสู่สกอตแลนด์ ภาพยนตร์ Braveheart 1995 ได้รับกระแสนิยมในเชิงบวกมากมายถึงกับในฉาก Battle of Stirling Bridge นั้นถูกบันทึกไว้โดย CNN ว่าเป็นหนึ่งในฉากการต่อสู้ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ รวบไปถึงคำชมจากริชาร์ด ชิกเคลแห่งนิตยสาร ไทม์ TIME ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคะแนนคำวิจารณ์เชิงบวกถึง 77% ซึ่งได้รับคะแนนเฉลี่ยถึง 7.25/10 จากเว็บไซค์วิจารณ์ภาพยนตร์รอตเทนโทเมโทส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้เปิดตัวในช่วงสุดสัปดาห์ที่9ล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกาและ 75.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาทั่วโลกภาพยนตร์ทำรายได้ 210,409,945 ดอลลาร์สหรัฐและเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสิบสามของปี 1995
รางวัลที่ได้รับ :
รางวัลออสการ์ พ.ศ. 2539
เมล กิบสัน, อลัน แลดด์ จูเนียร์, บรูซ ดาเวย์ · สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เมล กิบสัน · สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
จอห์น โทล · สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม
เพอร์ ฮัลเบิร์ก, ลอน เบนเดอร์ · สาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม
ลอิส เบอร์เวลล์, พอล แพตทิสัน, ปีเตอร์ เฟรมป์ตัน · สาขาแต่งหน้าและออกแบบทรงผมยอดเยี่ยม
บริติช อะคาเดมี่ ฟิล์ม อวอร์ดส์ พ.ศ. 2539
จอห์น โทล · สาขากำกับภาพยอดเยี่ยม
เพอร์ ฮัลเบิร์ก, สก็อตต์ มิลลัน, ลอน เบนเดอร์ · สาขากำกับเสียงยอดเยี่ยม
ชาร์ล โนด · สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม
รางวัลลูกโลกทองคำ สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
พ.ศ. 2539 · เมล กิบสัน
รางวัลสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
พ.ศ. 2539 · แรนดัลล์ วอลเลซ
รางวัลสมาคมผู้กำกับภาพแห่งอเมริกา สาขากำกับภาพยอดเยี่ยม ประเภทโรงภายนตร์
พ.ศ. 2539 · จอห์น โทล
คริติกส์ชอยส์มูฟวี่อวอร์ด สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม
พ.ศ. 2539 · เมล กิบสัน