Shoot’Em Up 2007 ยิงแม่งเลย 2550 ภาพยนตร์แอ็คชั่นอเมริกัน เขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดย ไมเคิล เดวิส เค้าได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนบท เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเห็นฉากต่อสู้ ดวลปืนช่วยเหลือเด็กทารกแรกเกิดจากพวกอันธพาล ในภาพยนตร์ เรื่อง Hard Boiled ( 1992 ) ทะลักจุดแตก 2535 ของผู้กำกับชื่อดังชาวเอเชีย จอห์น วู ที่นำแสดงโดย โจ เหวิน ฟะ ในเรื่องราวของภาพยนตร์ Shoot’Em Up 2007 ยิงแม่งเลย เริ่มต้นที่ สมิธ ชายเร่ร่อนคนหนึ่ง ที่ช่วยเหลือเด็กทารก จากการถูกไล่ล่า โดยเจ้าหน้าที่พิเศษเฮิร์ตซ์ และเหล่ามือปืนนับร้อยชีวิต เค้าได้รับความช่วยเหลือจากสาวบริการคนสนิท ดอนนน่า ที่ต่อมากลายเป็นเรื่องบานปลายไป ยิงกันทั้งเรื่องสมชื่อไทย ไล่ล่ากันอย่างดุเดือด ภาพยนตร์นำแสดงโดย ไคลฟ์ โอเวน, พอล จิอาแมตติ, โมนีกา เบลลุชชี, สตีเฟน แม็คแฮ็ตตี้, ดาเนียล ไพลอน
วันที่ออกฉาย : 7 กันยายน 2550 (สหรัฐอเมริกา)
ผู้กำกับภาพยนตร์ : ไมเคิล เดวิส
เขียนบทภาพยนตร์ : ไมเคิล เดวิส
อำนวยการสร้าง : ซูซาน โมลทฟอร์ด l ดอน เมอร์ฟี่ย์ l ริค เบนาททา
กำกับภาพ : ปีเตอร์ โป ตาก-ไห่
ดนตรีประกอบ : พอล แฮซริงเกอร์
ตัดต่อภาพยนตร์ : ปีเตอร์ อมันด์สัน
ค่ายผลิต : มงฟอร์ต/เมอร์ฟี่ โปรดักชั่น จำกัด
จัดจำหน่าย/เผยแพร่ : นิวไลท์ ซินิม่า
ความยาว : 1 ชม. 26 นาที
งบประมาณการสร้าง : 39 ล้านดอลล่าสหรัฐ
รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ : 26.8 ล้านดอลล่าสหรัฐ
ที่ป้ายรถเมล์ในซอกมุมหนึ่งของเมือง ชายเร่ร่อนที่ชื่อ สมิธ ( ไคลฟ์ โอเวน ) เค้ากำลังเคี้ยวแครอทดิบ ที่เชื่อว่ามันทำให้สายตาดี แต่เคี้ยวเข้าได้ไง เห็นหญิงตั้งครรภ์ท้องแก่วิ่งตัดหน้าเค้าไป เธอพยายามที่จะหลบหนีจากมือปืนนักฆ่า เมื่อเห็นดังนั้น สมิธ ที่นั่งเคี้ยวแครอทต้องการที่จะช่วยเหลือเธอ ตามพวกเขาเข้าไปในโกดัง เค้าฆ่านักฆ่าโดยใช้แครอทแทงเขาที่ใบหน้า และหยิบปืนพกของเหยื่อยิงต่อสู้อย่างดุเดือด หญิงสาวคนนั้นได้คลอดเด็กชายออกมาระหว่างการต่อสู้ แต่สมิธพบว่าหญิงสาวผู้เป็นแม่ ได้โดนยิงเสียชีวิตไปแล้ว ในเวลาไม่นานมือสังหารที่เหลือก็ตามมา นำโดย เจ้าหน้าที่พิเศษเฮิรตซ์ ( พอล จิอาแมตติ ) เจ้าหน้ามากความสามารถ ด้านการสืบสวนตามเบาะแส นักแกะรอยชั้นยอด ผู้รักเมียสุดหัวใจ เค้าถูกจ้างให้มาดูแลงานนี้โดยตรง ทางด้านสมิธยังคงยิงต่อสู้กับมือปืนจำนวนมาก จนสามารถหาจังหวะพาเด็กหลบหนี รอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด
ทางด้านแม่ของเด็กก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว สมิธ หวังว่าจะมีใครรับอุปการะเลี้ยงดูเด็ก เค้าพาเด็กไปทิ้งไว้ที่สวนสาธารณะ โดยเค้ายังคงเฝ้ามองจากไกล ๆ เห็นหญิงคนหนึ่งที่ผ่านไปมาแถวนั้น ท่าทางใจดีกำลังอุ้มเด็กไป แต่เธอกลับโดนยิงจากปืนไรเฟิลระยะไกล ที่ยิงโดย เจ้าหน้าที่ฮิรตซ์ เมื่อสมิธเห็นดังนั้น เค้ารู้ได้ทันทีว่าเป้าหมายของมือสังหารนั้นคือเด็ก ไม่ใช่ตัวแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว เค้าจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเด็กน้อยรอดมาได้อีกครั้ง โดยใช้ทักษาะอันน่าเหลือเชื่อของเค้า สมิธ ตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือกับคนรู้จัก เพราะเด็กต้องการกินนม โดยนำไปฝากไว้กับ ดอนนา ควิน ( โมนีกา เบลลุชชี ) เธอทำงานบริการภายในซ่องแห่งหนึ่ง ซึ่งร่างกายเธอสามารถผลิตน้ำนมได้โดยไม่จำเป็นต้องตั้งครรภ์ แต่เธอกลับปฏิเสธสมิธ ในไม่ช้าเฮิร์ตซก็ตามแกะรอยสมิธมาถึงที่ซ่องโสเภณี เค้าตรงไปที่ห้องของดอนนา และทรมานเธอเพื่อเค้นข้อมูล ภายนอกห้องมีเสียงปืนดังขึ้น สมิธกลับมาและไล่ฆ่าลูกน้องของเฮิรตซ์จนเกลี้ยง เค้าตามเข้าไปในห้องของดอนนา ทั้งเจ้าหน้าที่เฮิรตซ์และสมิธได้ดวลปืนกันครั้งแรก สมิธยิงเข้าไปที่เฮิร์ตซ์อย่างจังล้มลงไปนอน และรีบพาดอนนาและเด็กน้อยหนีออกไป อย่างไรก็ตามเสื้อเกราะกันกระสุนของเจ้าหน้าที่เฮิร์ตซ์ ทำให้เค้ายังมีชีวิตอยู่คุยโทรศัพท์กับเมียที่รัก แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ
ทั้งได้สามหลบหนีไปยังที่พักของสมิธ อาคารที่ดูแน่นหนา สมิธสังเกตุได้ว่าทารกน้อย ที่เค้าตั้งชื่อว่าโอลิเวอร์ จะหยุดร้องไห้เมื่อเขาได้ยินเสียงดนตรีเฮฟวีเมทัล หรืออะไรที่อึกกระทึกครึกโครม เหมือนเช่นตอนยิงปืนต่อสู้กัน เขาสรุปเอาเองว่าแม่ของโอลิเวอร์ที่เสียไปแล้ว ต้องพักอาศัยอยู่ใกล้คลับเฮฟวีเมทัล เมื่อนึกได้เค้าและดอนน่า จึงมุ่งหน้าไปยังคลับเฮฟวีเมทัลบริเวณที่เจอแม่เด็ก ชั้นสองของคลับพวกเขาพบ ห้องพักผู้ป่วย พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ ตู้แช่เต็มไปด้วยสเปิร์มของคน ๆ เดียว และยังพบศพหญิงตั้งครรภ์สองคนที่นอนเสียชีวิตอยู่ สมิธสรุปได้ว่าผู้หญิงทุกคน ถูกบังคับให้อุ้มท้องเพื่อนำไขกระดูกจากทารก ไปรักษาอาการป่วยของใครบางคน และทารกน้อยโอลิเวอร์ คือสิ่งที่พวกมันต้องการ
ในห้องพักโรงแรมสมิธแลพดอนน่า ถูกเจ้าหน้าที่เฮิรตซ์แกะรอยได้ พาทีมงานร่วมร้อยตามมาบุกเข้าจู่โจมอีกเช่นเคย และก็เหมือนทุกครั้งสมิธสอยมือปืนมากมายร่วงเหมือนใบไม้ อย่างกับทหารตัวละบาทในเกมส์ และหลบหนีออกได้อีกเหมือนเดิม เป็นที่เจ็บใจกับเจ้าหน้าที่เฮิรตซ์มาก และก็ไม่รู้เลยว่าสมิธเป็นใคร ทำไมมันเก่งอย่างนี้ สมิธ สังเกตเห็นว่าอาวุธของพวกมันปืน สามารถล็อคลายนิ้วมือได้ซึ่งมีผลิตเพียงเจ้าเดียว เป็นของยี่ห้อแฮมเมอร์สัน มันยังเป็นรุ่นทดสอบที่ยังไม่มีจำหน่ายในตอนนี้ สมิธรู้จุดหมายที่จะไปถล่มต่อแล้ว จึงพาดอนนาและทารกน้อยโอลิเวอร์ ไปที่พิพิธภัณฑ์สงคราม ให้ทั้งสองซ่อนตัวเพื่อความปลอดภัย อยู่ในรถถังยิงไฟที่เคยใช้ในระหว่างช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เอ็ม-24 Chaffee จากนั้น สมิธจึงแอบเข้าไปในโรงงานผลิตอาวุธ บริษัทแฮมเมอร์สัน ตามคาดหมายเค้าพบกับเฮิรตซ์และ แฮมเมอร์สัน ( สตีเฟน แม็คแฮ็ตตี้ ) เจ้าของบริษัท กับสุนัขพันธุ์เยอรมันเชเพิร์ดของเค้า ทั้งสองพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับประธานาธิบดีคนต่อไป ที่จะยกเลิกสิทธิในการครอบครองอาวุธ มันมีผลกับการค้าอาวุธของบริษัท
ต่อมา สมิธ เห็นบทความเกี่ยวในหน้าหนังสือพิมพ์ เกี่ยวกับวุฒิสมาชิกรัตลีดจ์ ( ดาเนียล ไพลอน ) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่มีนโยบายหลักเกี่ยวกับกฏหมาย การห้ามครอบครองอาวุธปืน ซึ่งตอนนี้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และต้องการการปลูกถ่ายไขกระดูก เค้าคิดว่าวุฒิสมาชิกรัตลีดจ์ อาจเป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมด หากทารกโอลิเวอร์ตายสมาชิกวุฒิสภาจะไม่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ และจะไม่สามารถลงสมัครรับตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เจ้าหน้าที่เฮิรตซ์จึงตามเก็บเด็กน้อยและผุ้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อผลประโยชน์กับบริษัทค้าอาวุธ สมิธรู้ว่าเรื่องนี้มันอันตรายระดับประเทศ เค้าจึงบอกให้ดอนนาพาเด็กน้อยโอลิเวอร์ รีบหนีออกจากเมือง หลังจากนั้น สมิธจึงติดต่อกับลูกน้องคนหนึ่งของวุฒิสมาชิกรัตลีดจ์ขอนัดพบ เพื่อช่วยเหลือเค้าจากเจ้าหน้าที่เฮิรตซ์ บนเครื่องบินของวุฒิสมาชิก เค้ายินดีมากสำหรับการช่วยเหลือของสมิธ แต่สมิธพบสิ่งผิดปกติ เส้นขนของสุนัขพันธุ์เยอรมันเชเพิร์ด เหมือนที่แฮมเมอร์สันเลี้ยงไว้ มันไม่ใช่อย่างที่คิด วุฒิสมาชิกทำข้อตกลงกับแฮมเมอร์สัน โดยจ้างเจ้าหน้าที่เฮิรตซ์ มาทำหน้าที่หาไขกระดูกสันหลังจากทารก เพื่อแลกกับการเปลี่ยนนโยบายพรรค เมื่อรู้ดังนั้น สมิธเลือกที่จะสังหารวุฒิสมาชิก ทำเหมือนกับมีการลอบสังหาร เพื่อที่จะทำให้การตายของวุฒิสามชิกกระตุ้นสังคม ให้สนับสนุนนโยบายสิทธิ์ การห้ามครอบครองอาวุธปืน
สมิธ โดดลงมาจาเครื่องบิน ยิงปะทะกับมือปืน และเจ้าหน้าที่เฮิรตซ์อีกครั้งกลางอากาศ สังหารไปได้หลายคน แต่คราวนี้สมิธพลาดท่าโดนยิง จนทรุดตัวสลบไป เขาตื่นขึ้นมาในคฤหาสน์แฮมเมอร์สัน ที่ทางเฮิรทซ์ กำลังทรมานเขาด้วยการหักนิ้ว เพื่อเค้นข้อมูลของดอนนาและเด็กน้อยโอลิเวอร์ แต่สมิธกลับหาจังหวะหลุดจากการโดนมัด ตรงไปสังหารมือปืนหลายคนรวมถึงเจ้าของบ้านแฮมเมอร์สันด้วย ทางเจ้าหน้าที่เฮิรทซ์ตามมาที่คิดว่าตัวเองเป้นต่อที่สมิธไม่เหลือนิ้วมือให้เหนี่ยวไกแล้ว กลับโดนยิงดับอนาถอย่างไม่คาดคิด โดยสมิธวางกระสุนไว้ระหว่างนิ้วมือที่หักของเขาและจุดชนวนด้วยเตาผิง หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง สมิธ จึงตามหาเด็กน้อนโอลิเวอร์ และดอนนาที่ตอนนี้ทำงานอยู่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง