The Marksman คนระห่ำ พันธุ์ระอุ
อดีตนาวิกโยธิน จิม (เลียม นิลสัน) ชายแก่ชีวิตสโลว์ไลฟ์อดีตนาวิกโยธิน เมียตาย ลูกสาวหนึ่งชื่อ ซาราห์ (แคทเธอลีน วินนิค) จิมลาล้างจากความวุ่นวายในเมืองเข้าสู่วิธีชีวิตชนบท ตามแนวทางพอเพียง แต่ค่อนไปทางแร้นแค้น กระนั้นชีวิตที่โยนปืนถือจอบของเขาก็กลับสู่ความเมามันส์อีครั้ง เมื่อเขาพบกับ แม่ลูกคู่หนึ่ง(คนแม่ โรซ่า (เทเรซ่า รูอิซ ,ลูกมิเกล (เจค็อบ เปเรซ) )ที่หนีตายจากการตามล่าของแก๊งวาสเควส แก๊งค์ค้ายาเม๊กซิกันสุดโหด เ และเมื่อเขาพยายามจะช่วยก็พบว่า แม่ของเด็กถูกยิงและไม่รอดชีวิต ด้วยมโนสำนึกบางอย่าง ชักพาให้เขาเลือกจะไปส่งเด็กให้ถึงมือญาติที่ชิคาโก
The Marksman คนระห่ำ พันธุ์ระ อุ หนังประเภทตัวเอกได้รับภาระ ส่งเด็ก เป็นบอดี้การ์ดให้ตัวละครอีกตัว แบบกะทันหันเช่นนี้ หาได้ไม่ยากนัก สิ่งที่วัดกันไม้ต่อคือการเดือนเรื่องและการใส่รายละเอียดเสริมในหนัง การใส่มิติของตัวละครว่าทำได้ดีเช่นใด ความขัดแย้งในหนังเป็นจุดหนึ่งที่ผู้กำกับชอบเอามาใช้ในการเล่าเรื่อง เรื่องนี้ เราจะเห็นความขัดแย้งออกมาเป็นฉากแทบทั้งเรื่อง ตั้งแต่เปิดเรื่องพระเอกที่อยากนอนแผ่สโลว์ไลฟ์ไม่เกี่ยวกับยุทธจักร แต่ก็ตัดสินใจพะบู๊กะแก๊งค์ค้ายาสุดโหด เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ตนไม่รู้จัก (ฮีโร่มากๆ) การเดินทางของ2ตัวเอกต่างวัย ที่ต่างกันสุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัย เชื้อชาติ ที่ทำให้คนดูเข้าใจถึงความต่างได้เป็นอย่างดี
The Marksman คนระห่ำ พันธุ์ระ อุ หนังเรื่องนี้ยังชี้ถึงความเป็นมนุษย์ค่อนข้างสูง ตัวละครทุกตัวต่างมีคาแรคเตอร์ที่มีมิติของตัวเอง ไม่มีใครขาวจั๊วะ หรือดำทมิฬ ทุกคนเป็นแค่คนสีเทาๆที่ทำดีหรือเลวตามสถานการ์ณ ความแตกต่างของคาแรคเตอร์ตัวเอกทั้ง2 เป็นจุดที่หนังนำมาเล่าเรื่องมากที่สุด จนมันเหมือนกับหนังแอชันปนดรามากันเลย การพัฒนาของตัวเอกเด็กน้อยกับลุงที่ค่อยๆเปลี่ยนจากคนแปลกหน้า ตั้งกำแพง เป็นความเชื่อใจ และความอบอุ่น เป็นแกนหลักของเรื่อง แต่ยังถ่ายทอดได้ไม่ดีนัก คนดูบางกลุ่มอาจไม่อิน เพราะหลายฉากเหมือนจงใจเกิน แนวนางฟ้าบังเอิญสิงอยู่ในแผ่นฟิลม์ แต่กระนั้นการเล่าเรื่องก็ทำได้ดี ฉากแอคชันสลับกับดราม่าทำให้อารมณ์ของหนังกลมกลืน ฉากแอคชัน เน้นชิงไหวชิงพริบ ความแม่นปืน และความเก๋าของประสบการ์ณมากกว่าเบ่งกล้ามอัดกัน ทำให้หนังดูสนุกขึ้น เหมือนหนังกำลังบอกว่า “อย่าแหยมกะลุง”
โดยรวม The Marksman คนระห่ำ พันธุ์ระ อุ เป็นหนังที่ดูได้สนุก เพลินๆในทุกฉาก จุดที่ชอบคือการเล่าถึงความแตกต่าง การยอมรับซึ่งกันและกันในความต่าง ซึ่งเป็นจุดที่เห็นมากในหนัง รวมถึงสื่อต่างๆในยุคปัจจุบัน ฉากแอคชันเน้นความเก๋า ใช้ประสบการ์ณ และไหวพริบในแก้ปัญหา เหมือนกับบอกเป็นนัยว่า ฉากบู๊ไม่ต้องถึกก็เก๋าได้ ยิ่งมีเรื่องของความแม่นปืน ยิ่งดูเหมือนหนังเรื่อง SHOOTEMUP (ยิงแม่งเลย) เวอร์ชันตาลุงกะเด็กน้อย ที่รุนแรงน้อยลง การเล่าเรื่องทำได้ดีแม้มีตัวละครบางตัวแทบไม่มีบท แต่ใครเป็นสาวก2ตัวเอก ไม่ควรพลาด
The Marksman คนระห่ำ พันธุ์ระอุ