Chaos Walking จิตปฏิวัติโลก
Chaos Walking จิตปฏิวัติโลก หนังไซไฟฟอร์มยักษ์ ที่ขอประเดิมตลาด เปิดปี 2021 ด้วย2แม่เหล็ก พระนางที่โด่งดังจากหนังแนวไซไฟทั้งคู่ อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) จาก Spider-Man Far From Home และ เดซี ริดลีย์ (Daisy Ridley) จาก Star Wars : The Rise Of Skywalker และยังตามด้วยผู้คุมบังเหียนการกำกับหนังไซไฟขั้นสุดอย่าง ดั๊ก ไลแมน (Doug Liman) ผู้กำกับหนังไซไฟฟอร์มล้ำอย่าง Jumper เรียกได้ว่า Chaos Walking เป็นหนังไซไฟ ที่มีวัตถุดับเพื่อคอไซไฟอย่างครบเครื่อง
Chaos Walkingจิตปฏิวัติโลก สร้างมาจาก The Knife of Never Letting Go เล่มเรกของหนังสือไตรภาค ChaosWalking จากผลงานของ แพทริก เนสส์ ซึ่งเป็นทั้งผู้แต่งและผู้ร่วมเขียนบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื้อเรื่องจะกล่าวถึงการย้ายไปโลกใหม่(new world)ของมนุษย์ อันเนื่องมากจากสภาพสังคมบ้านเมืองที่เลวร้าย ทั้งภาวะสงคราม การเกิดโรคติดต่อที่ทำให้มนุษย์ผู้หญิงสูญพันธุ์สิ้น เหลือแต่ผู้ชาย แต่ผู้ชายเองก็มีภาวะหลอน ที่ไม่สามารถควบคุม ความคิดของตัวเองได้ ทุกความคิดจะถูกถ่ายทอดมาเป็นภาพและเสียง ซึ่งทุกคนเรียกภาวะนี้ว่า เสียงคิด พระเอกของเรา ท็อด ฮิวอิต (ทอม ฮอลแลนด์) หนุ่มน้อยที่อาศัยกับคุณพ่อทั้ง2คน ได้บังเอิญพบกับ “วิโอล่า” (เดซี่ ริดลีย์) ผู้หญิง ที่ปกติน่าจะสูญพันธ์ไปแล้ว และนี่เป็นการเจอผู้หญิงครั้งแรกของเขา แน่นอนว่า เมื่อมีผู้หญิงคนเดียวท่ามกลางฝูงชาย การตามล่าจากคนทั้งเมืองจึงเกิดขึ้น ซ้ำร้ายเรื่องถึงหู นายกเทศมนตรีเพรนทิส (แมดส์ มิกเคลเซน ท็อด ฮิวอิตจึงพาวิโอลา หนีพร้อมผจญภัย หาคำตอบว่า อะไรที่ทำให้ผู้หญิงสูญพันธุ์
Chaos Walkingจิตปฏิวัติโลก หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่โครงเรื่องสั้น แต่มีประเด็นสอดแทรกและการเล่าเรื่อง การเดินเรื่องที่น่าสนใจ ผ่านมมุมมองพระเอกของเรื่อง ที่ทำให้เราอินตามได้ไม่ยาก เราสามารถอินตามกับ ท๊อต ได้ไม่ยาก จนเผลอคิดในใจว่า เออ เราก็คิดอย่างมันแฮะแต่ไม่กล้าพูด ในส่วนของภาพรวมที่ใหญ่ขึ้นหนังแสดงให้เห็นถึงการปกครองคน โดยเฉพาะคนในลักษณะที่เป็นคนหมู่มาก และยังมีลักษณะ NEW BORN BABY ที่สามารถปลูกฝังความเชื่อและใส่เรื่องราวต่างได้ง่าย สิ่งที่หนังเรื่องนี้ใช้เป็นเครื่องมือในการปกครองที่ดีคือ ตำนาน และความเชื่อ ยิ่งผ่านมุมมองของท๊อต ยิ่งทำให้เราเห็นภาพของเด็กหนุ่มสาว วัยค้นหาตัวเองที่บางครั้งยังติดกับความคิดความเชื่อที่คนได้ถูกปลูกฝังมาอยู่ ในส่วนของการปกครองซึ่งเป็นภาพรวมหลักของหนัง เราจะเห็นหลายอย่างที่แอบซ่อนอยู่ในทุกสังคม แล้วแต่ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ เห็นแล้วทำยังไง ทำตาม อยู่เฉย หรือต่อสู้ ความสนุกของเรื่องคือไอ้เสียงคิดสารพัดรูปแบบ ที่ถือเป็นไอเดียล้ำที่สร้างความสนุกของหนังได้เป็นอย่างดี โดยผ่านมุมมองของท๊อต ทั้งในเรื่องความรู้สึกที่มีต่อ วิโอล่า สภาพสังคมที่ซุกขยะใต้พรม ความสามารถของผู้นำที่โดดเด่นในการปกครอง ในหนังเห็นว่าผู้นำ แม้ไม่ต้องดีงาม แต่ต้องมีกลไกบางอย่างที่เหมาะสม ที่ทำให้ขึ้นมาปกครองสังคมนั้นๆได้ อย่างกรณีของนายกเทศมนตรีเพรนทิส ที่สามารถควบคุมเสียงคิดของตัวเองได้ดีกว่าคนอื่นๆ ทำให้เขาสามารถสร้างความเชื่อใจให้คนหมู่มากได้ หรือ บาทหลวง แอรอน (เดวิด โอเยโลโว ที่เผยแพร่ความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกผ่านเสียงคิดของตัวเอง
ในส่วนของการแสดง นักแสดงของเรื่องทำหน้าที่ได้ทุกตัวโดยเฉพาะท๊อต เดอะแบกที่ต้องคุมหนังทั้งเรื่องให้คนดูอินกับเสียงคิดของเขา การเดินเรื่องที่สนุกทุกซีนไม่ปล่อยให้คนดูเบื่อ รึออกไปห้องน้ำ ถ้าจะมีจุดที่ติบ้างคือ การเดินเรื่องที่ใช้มุขเสียงคิดซ้ำจนบ่อย การเล่าเรื่องที่เหมือนรอภาคใหม่ออกมา การเฉลี่ยบทที่รู้สึกว่าทำให้ดีกว่านี้ หรือเล่าเรื่องตัวละครนี้เพิ่มขึ้นบ้างจะทำให้หนังสนุกขึ้น การเล่าเรื่องหรือเฉลยปมบางอย่างไม่ทำให้คนดูรู้สึกอิน โปรดักชัน ที่ยังไมอลังการนัก สำหรับคอหนังไซไฟ
โดยรวมแล้วจัดเป็นหนังที่ดูสนุก แม้จะไม่ถึงกับขึ้นหิ้ง แต่ เคมีการแสดงของนักแสดงเข้ากันได้เป็นอย่างดีในทุกตัวละคร การเล่าเรื่องที่ดูสนุกทุกฉาก เนื้อเรื่องที่เข้ากับสถานการ์ณปัจจุบัน และแนวคิดเชิงไซไฟ ที่เข้ากับการเมืองได้เป็นอย่างดี ผู้ชมสามารถอินได้ในหลายเรื่องทั้งการแสดง โครงเรื่อง สถานการ์ณปัจจุบัน ที่ถ่ายทอดผ่านมุมมองตัวละครได้เป็นอย่างดี
