Charlie and the Chocolate Factory 2005 ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต nakamuraza
หนังยุโรป หนังแฟนตาซี

Charlie and the Chocolate Factory 2005

Charlie and the Chocolate Factory 2005 ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต 2548 ภาพยนตร์เพลง แฟนตาซี ที่กำกับภาพยนตร์โดยทิมเบอร์ตัน อ้างอิงจากหนังสือนวนิยายสำหรับเด็กเรื่อง Charlie and the Chocolate Factory (1964) ที่เขียนโดยนักเขียนชาวอังกฤษโรอัลด์ ดาห์ล ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยถูกสร้างขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วในปี 1971 ในภาพยนตร์ Charlie and the Chocolate Factory 2005 บอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของเด็กน้อยชาร์ลี บัคเก๊ต ฐานะทางบ้านยากจน ที่โชคดีได้รับตั๋วทองคำเพื่อเข้าเที่ยวชมภายในโรงงานช็อคโกแลต แคนดี้ วองก้า กับครอบครัว ที่มีเจ้าของคือ วิลลี่ วองก้า ร่วมกับเด็ก ๆ อีกสี่คน เพื่อตามหาผู้ที่จะได้รับรางวัลพิเศษเพียงคนเดียวเท่านั้น นำแสดงภาพยนตร์โดย เฟรดดี ไฮร์มอร์, จอห์นนี เดปป์, ฟิลิปส์ เวียแกล็ทซ์, จูเลีย วินเทอร์, แอนนาโซเฟีย ร็อบ, จอร์แดน ฟราย

วันที่ออกฉาย : 15 กรกฎาคม 2548 (สหรัฐอเมริกา) l 29 กรกฎาคม 2548 (สหราชอาณาจักร)

ผู้กำกับภาพยนตร์ :  ทิม เบอร์ตัน

ดัดแปลงจากผลงาน :  Charlie and the Chocolate Factory (1964) · โรอัลด์ ดาห์ล

เขียนบทภาพยนตร์ :  จอห์น ออกัส

อำนวยการสร้าง : แบรด อลัน เกรย์ l ริชาร์ด ดี. ซานัค

กำกับภาพ :  ฟิลิปป์ รูสโลต์

ตัดต่อภาพยนตร์ : คริส ลีเบนสัน

ดนตรีประกอบ : แดนนี่ โรเบิร์ต เอลฟ์แมน

ค่ายผลิต :  แพลนบี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ l ซานัค คอร์ปอเรชั่น l วิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอส์

จัดจำหน่าย/เผยแพร่ : วอร์เนอร์ บราเธอร์ส พิกเจอส์

ความยาว : 1 ช.ม. 55 นาที

งบประมาณการสร้าง : 150 ล้านดอลล่าสหรัฐ

รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ : 475 ล้านดอลล่าสหรัฐ

ชาร์ลี บัคเก๊ต ( เฟรดดี ไฮร์มอร์ ) เด็กยากจน อาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ในบ้านหลังเล็ก ทุกคนมีอาหารเป็นเพียงซุปกระหล่ำคนละหนึ่งถ้วยเท่านั้น ที่อยู่ใกล้กับ บริษัท แคนดี้ วองก้า ที่มีเจ้าของชื่อ วิลลี่ วองก้า ( จอห์นนี เดปป์ ) ซึ่งบริษัทได้ปิดตัวลงเนื่องจากประสบปัญหาเกี่ยวกับการจารกรรมทางอุตสาหกรรม ทำให้ต้องจ้างพนักงานออกทุกคนออก หนึ่งในนัั้นคือปู่โจของชาร์ลี อยู่มาวันหนึ่งทาง วองก้า ประกาศตามหาผู้โชคดีที่จะได้รับตั๋วทองคำ ที่สุ่มอยู่ในซองช็อคโกแลตของวองก้าที่กระจายไปทั่วโลก โดยมีเพียงห้าคนเท่านั้นที่จะได้รับ เป็นตั๋วพิเศษในการพาเข้าทัวร์เที่ยวชมเต็มรูปแบบในโรงงานแคนดี้ วองก้า รวมถึงมอบช็อคโกแลตให้กินฟรีตลอดชีวิต และหนึ่งในผู้โชคดีนั้นจะได้รับรางวัลพิเศษเมื่อสิ้นสุดการเที่ยวชมโรงงาน

Charlie and the Chocolate Factory 2005

หลังจากนั้นยอดขายของช็อคโกแลตวองก้า ก็พุ่งสูงขึ้นและตั๋วสี่ใบแรกนั้นถูกพบอย่างรวดเร็ว ผู้รับคนแรกคือออกัสตัส กลู๊ป( ฟิลิปส์ เวียแกล็ทซ์ )เด็กชายชาวเยอรมันที่มีความตะกละตะกลามกินไม่หยุด เวรูก้า ซอลส์ ( จูเลีย วินเทอร์ ) เด็กสาวผู้ดีชาวอังกฤษที่มีนิสัยเห็นแก่ตัว ไวโอเล็ต โบรีการ์ด ( แอนนาโซเฟีย ร็อบ ) เด็กสาวติดหมากฝรั่งชาวอเมริกาที่เคยทำสถิติโลก เคี้ยวหมากฝรั่งติดต่อกันสามเดือน มีนิสัยเย่อหยิ่งและหยาบคาบ คนต่อมา ไมค์ ทีวี (จอร์แดน ฟราย) เด็กชายอเมริกันผู้ไม่สนโลกเสพติดสื่อต่าง ๆ ทั้งโทรทัศน์และวิดีโอเกม เหลือตั๋วอีกหนึ่งใบ ชาร์ลีเก็บเงินเพื่อซื้อช็อคโกแลตได้สองแท่งแต่กลับไม่เจอ ชาร์ลีพบธนบัตรสิบดอลลาร์สุดท้ายของเค้าเพื่อซื้อช็อคโกแลตบาร์วองก้า แต่กลับได้ยินข่าวว่าตั๋วใบสุดท้ายถูกพบในรัสเซีย ในขณะที่เด็กน้อยกำลังหมดหวังเค้าค้นพบตั๋วใบที่ห้าในห่อขนมของเค้า ข่าวเรื่องตั๋วที่รัสเซียเป็นของปลอม ชาร์ลีได้รับการเสนอราคาที่สูงริบสำหรับตั๋ว แต่เค้าตัดสินใจที่จะเก็บมันไว้เพื่อพาคุณปู่โจไปทัวร์โรงงาน แคนดี้ วองก้า อดีตที่ทำงานเก่าของท่าน

ชาร์ลี บัคเก๊ต และผู้โชคดีรายอื่นได้รับการต้อนรับโดย วิลลี่ วองก้า จากนั้นนำพวกเขาเข้าไปเที่ยวชมในโรงงาน ภายในโรงงานดูสดใสหลากสีเหมือนโลกแฟนตาซี ที่มีผู้ช่วยตัวเล็กที่หน้าตาเหมือนกันหมดมากมายหลายคน คุณวองก้าเรียกพวกเค้าว่า อุปป้า-ลุมป้า คอยทำงานในทุกกระบวนการผลิตของโรงงานแห่งนี้ ในห้องผลิตช็อคโกแลต เด็กอ้วนออกัสตัส กลู๊ป กินทุกอย่างที่ขวางหน้า จนทำให้ตัวเองตกและไหลหายไปกับแม่น้ำช็อคโกแลต ต่อมาในห้องผลิตหมากฝรั่ง ไวโอเล็ต โบรีการ์ด เด็กสาวผู้เย่อหยิ่งและหยาบคาบ โดยที่มีแม่คอยส่งเสริมอยู่ตลอดเวลา เธอไม่สนคำเตือนว่าอย่าเข้าไปยุ่งกับกระบวนการ การผลิตหมากฝรั่งแบบใหม่ ทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดร่างกายเธอถูกผสม ไปด้วยน้ำบูลเบอรี่ เดือดร้อนโอปป้า-ลุมป้าต้องเอาร่างของเธอไปรีดน้ำออกจากตัว มันทำให้ตัวเธอกลายเป็นสีน้ำเงินบลูเบอรี่ถาวร เมื่อที่เหลือเดินมาถึงห้องคัดคุณภาพถั่ว ซึ่งที่นี่มีพนักงานคือเหล่ากระรอกน้อย เวรูก้า ซอลส์ เด็กสาวผู้ดีที่มีนิสัยเห็นแก่ตัว ร้องขอให้พ่อนักธุรกิจของเธอซื้อกระรอกพวกนี้ให้เธอเพราะมันน่ารัก เมื่อวิลลี่ วองก้า ปฏิเสธที่จะขาย ด้วยความเอาแต่ใจของเธอจึงปีนเข้าไปจับพวกมันด้วยตนเอง แต่กลับถูกพวกกระรอกจับโยนลงถังขยะของโรงงานทั้งพ่อและลูกเสียเอง

ในห้องสุดท้ายที่กำลังทดลองการส่งช็อคโกแลต ผ่านระบบโทรทัศน์โดยการย่อส่วน เด็กชายไมค์ ทีวี เห็นเช่นนั้นรู้สึกสนใจเป็นพิเศษและมั่นใจในความรู้ของเค้าเอามาก ๆ เค้าเข้าไปทดลองใช้งานโดยที่ไม่ได้สนใจอันตรายที่จะเกิดตามมา ทำให้ร่างกายของเค้าเล็กลงเหลือตัวนิดเดียว เดือดร้อนถึงเหล่าอุปป้า-ลุมป้า ต้องพาไปยืดตัวแต่ก็ยังไม่เสถียรนัก ทำให้เค้าสูงเกือบสามเมตรแต่อย่างน้อยก็ไม่ตัวเล็กอีกแล้ว ข้อบกพร่องส่วนบุคคลทำให้เด็กทั้งสี่คนต้องออกจาการทัวร์ครั้งนี้ ในระหว่างเดินทัวร์วิลลี่ วองก้า ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตที่อาศัยอยู่กับ พ่อชื่อวิลเบอร์ ทันตแพทย์ผู้มีชื่อเสียง เค้าถูกห้ามไม่ให้กินขนมหวานเนื่องส่งผลเสียต่อฟัน และนั้นคือสาเหตุที่ในวัยเด็กวองก้าต้องสวมใส่เครื่องจัดฟันที่ใหญ่เทอะทะ แต่หลังจากที่แอบกินขนมไปชิ้นหนึ่ง มันทำให้วองก้าหลงใหลและตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อตามความฝันของเขา แต่เมื่อเขากลับมาบ้านอีกครั้งกลับพบว่าทั้งพ่อได้ย้ายบ้านไปแล้ว เมื่อมาถึงตรงนี้วิลลี่ วองก้า บอกความตั้งใจที่แท้จริง ที่จะหาทายาทที่เหมาะสมมารับกิจการโรงงานแคนดี้ วองก้าต่อจากเค้า เมื่อชาร์ลีเป็นคนสุดท้ายในห้าคน และนี่คือของขวัญพิเศษสำหรับผู้โชคดี โดยมีเงื่อนไขว่าชาร์ลีจำต้องทิ้งครอบครัวเพื่ออุทิศตนให้กลับการทำขนมของโรงงาน เหมือนที่วองก้าเคยทำมาก่อนหน้านี้ แต่ชาร์ลีกลับปฏิเสธ เพราะครอบครัวของเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

เวลาต่อมา ชาร์ลีและครอบครัวของเขากลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขถึงจะไม่ร่ำรวยก็ตาม แม้กระนั้นวิลลี่ วองก้า คิดถึงเรื่องที่ชาร์ลีไม่ยอมรับข้อเสนอ เค้าหดหู่เกินไปที่จะทำขนมในแบบเดิมที่เขาเคยทำ ทำให้ขนมของเขายอดขายตกลงมาก วองก้าหันไปขอคำแนะนำจากเด็กน้อยชาร์ลี ให้เปิดอกคุยกับพ่อเพื่อให้พ่อเข้าใจ ยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็นและไม่ใช่สิ่งที่เค้าทำ ชาร์ลีทำให้วองก้าคิดได้ตระหนักถึงคุณค่าของครอบครัว หลังจากนั้นเค้าก็เชิญให้ชาร์ลีกับครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่ดูแลโรงงานร่วมกันอย่างอบอุ่น

 #หนังแฟนตาซี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *