Green mile 1999 nakamuraza สปอยหนัง หนังยุโรป รีวิวหนัง
หนังยุโรป

The Green Mile 1999

The Green Mile 1999 ( ปาฏิหาริย์แดนประหาร พ.ศ. 2542 ) ภาพยนตร์อเมริกัน แนวดราม่าที่เรียกน้ำตาได้มากมาย จากคนดูมาแล้วทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในยุคนั้น เรื่องราวเกี่ยวกับนักโทษต้องคดีประหารชีวิต ที่ต้องเดินผ่านเส้นทางเดินสีเขียวที่ใช้เป็นทางเดินออกจากห้องขังไปสู่เก้าอี้ไฟฟ้าที่เรียกว่ากรีนไมล์ (Green Mile) ตัวหนังให้ความรู้สึก ให้อารมณ์ทั้งความกดดันของผู้ต้องโทษประหาร การทำงานกับผู้ร่วมงานเด็กฝากงี่เง่าที่หลายๆคนคงจะรู้สึกอยู่ในการทำงานปัจจุบัน ความต้องการที่จะแหกกฎที่เรียกได้ว่ารุนแรงที่สุดในชีวิต เพื่อคนที่เรารักและผูกพัน กำกับการแสดงโดย แฟรงค์ ดาราบอนต์ผู้กำกับเดียวกับ The Shawshank Redemption ผลงานการเขียนของสตีเฟน คิงอีกเช่นกัน ซึ่งได้รับการเข้าชิงรางวัลออสการ์  ถึง 4สาขา

ดำเนินเรื่องผ่านการเล่าจากปากพัศดี พอล เอดจ์คอมบ์ วัยเกษียณ (แด๊บส์ เกรีย) เล่าถึงช่วงชีวิตการพัศดีเรือนจำแห่งหนึ่งในโคลด์ เมาท์เทนท์ ทางใต้ ในยุคที่ยังมีการเหยียดสีผิวอยู่ พอล เอดจ์คอมบ์ (ทอม แฮงค์) เหล่าผู้คุม( เดวิด มอร์ส, แบร์รี เป๊ปเปอร์ ) หัวหน้าพัศดี(เจมส์ ครอมเวลล์)ได้รับการรักษาโรคที่เกิด ขึ้นกับตัวและคนอันเป็นที่รัก โดยวิธีการที่เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์ จากนักโทษจอห์น ค็อฟฟี่ (ไมเคิล คลาร์ก ดันแดน) หนุ่มร่างยักษ์ผิวสี ที่ต้องโทษประหารในคดีฆาตกรรมเด็กหญิงสองคน ที่ดูไม่เหมือนคนร้ายเลย จนพอลต้องหาวิธีที่จะรื้อคดีและหาความจริงต่างๆเพื่อช่วยเหลือเขาจากการประหารชีวิตโดยเก้าอี้ไฟฟ้า

วันที่ออกฉาย :  6 ธันวาคม 2542 (สหรัฐอเมริกา)

ผู้กำกับภาพยนตร์ : แฟรงค์ ดาราบอนท์

ดัดแปลงจากผลงาน : แฟรงค์ ดาราบอนท์

เขียนบทภาพยนตร์ : The Green Mile · สตีเฟ่น คิง

อำนวยการสร้าง : แฟรงค์ ดาราบอนท์ l เดวิด วาลเดส

กำกับภาพ : เดวิด แทตเตอร์ซาลล์

ตัดต่อ : ริชาร์ด ฟรานซิส-บรูซ

ดนตรีประกอบ : โทมัส นิวแมน

ค่ายผลิต : คาสเทิล ร็อค เอนเตอร์เทนเมนต์

จัดจำหน่าย/เผยแพร่ :วอร์เนอร์บราเธอส์พิกเจอส์

ความยาว : 3 ชม. 9 นาที

งบประมาณการสร้าง : 60 ล้านดอลล่าสหรัฐ

รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ : 297.7 ล้านดอลล่าสหรัฐ

รางวัลที่ได้รับ :

คริติกส์ชอยส์มูฟวี่อวอร์ด สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
พ.ศ. 2543 · ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน
พีเพิล’ส ช้อยซ์ อะวอร์ดส์ สาขาภาพยนตร์ยอดนิยม
พ.ศ. 2544
พีเพิล’ส ช้อยซ์ อะวอร์ดส์ สาขาภาพยนตร์ดราม่ายอดนิยม
พ.ศ. 2544
คริติกส์ชอยส์มูฟวี่อวอร์ด สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
พ.ศ. 2543 · แฟรงค์ ดาราบอนท์
Blockbuster Entertainment Award สาขานักแสดงชายดราม่ายอดเยี่ยม
พ.ศ. 2543 · ทอม แฮงส์

ที่ รัฐหลุยเซียน่า สหรัฐอเมริกาช่วยชีวิตในปี 1999 อดีตพัศดีพอล เอดจ์คอมบ์(แด๊บส์ เกรีย) ผู้อยู่ในวัยสูงอายุชมภาพยนตร์ตลกเรื่องTop Hat (1935)ท็อปแฮท ภาพยนตร์เพลงแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี2478 เมื่อเขาเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำที่รับผิดชอบการประหารชีวิตของนักโทษโดยที่นี่มีเอกลักษณ์ที่มีพื้นสีเขียวทอดยาวไปถึงลานประหารหรือที่เรียกว่า The Green Mile “กรีนไมล์”

The Green Mile 1999

2478 ในขณะนั้นพอล เอดจ์คอมบ์ (ทอม แฮงค์)เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้ต้องขังคนหนึ่ง ที่ทำงานร่วมกับเพื่อนพ้องเหล่าผู้คุมบลูตัส (เดวิด มอร์ส),ดีน แสตนตั้น (แบร์รี เป๊ปเปอร์) หัวหน้าพัศดีสแตนตัน แฮร์รี่(เจมส์ ครอมเวลล์) โดยมีผู้คุมเด็กฝากจอมป่วนอย่างเพอร์ซี่ เวทมอล(ดั๊ก ฮัตชิสัน) ที่คอยป่วนการทำงานของรุ่นพี่และมีนิสัยชอบกลั่นแกล้งทารุณผู้ต้องขังเพราะเชื่อว่าพวกเค้าเหล่านั้นเป็นคนชั่วรวมไปถึงนักโทษสูงอายุเอดาวร์ด “เดล” เดลลาคลออิคค (ไมเคิล เจเตอร์) ที่ถูกจับกุมและรอการประหารชีวิตที่ไม่รู้ไปทำอะไรให้เวทมอลแค้นขนาดนั้นในขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่วนใหญ่ทำงานได้ดีทั้งต่อเพื่อนร่วมงานและกับผู้ต้องขังคนอื่น

ในขณะที่ทุกข์ทรมานจากการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ อย่างรุนแรงของพอลได้รับการแนะนำให้รู้จักกับนักโทษที่รอการประหารชุดใหม่ที่มีจอห์น “คอฟฟี่” เบนจามิน(ไมเคิล คลาร์ก ดันแดน) ชายผิวสีผู้มีร่างกายใหญ่โตแต่กลับเป็นคนที่อ่อนโยนไม่เข้ากับบุคลิคของเค้า ซึ่งดูไม่เหมือนคนที่ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาคดีข่มขืน และนักโทษคนอื่นอย่างวิลเวี่ยม “ไวท์บิลล์” วอลตั้น(แซม ร็อคเวลล์) ฆาตกรโรคจิตที่รอวันประหารเช่นกัน จอห์น คอฟฟี่ชายร่างยักษ์ได้แสดงปาฏิหาร์ในการรักษาอาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะของพอลได้หายเป็นปลิดทิ้งโดยการดึงสสารบางอย่างออกมาจากร่างของพอลแล้วพ่นออกไปในอากาศ และจอห์นยังฟื้นคืนชีพหนูมิสเตอร์จิงเกิ้ลเมาส์ของนักโทษสูงอายุเดลที่ถูกเจ้าหน้าที่ตัวป่วนเพอร์ซี่ฆ่่าตายได้อีกด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปการประหารชีวิตเก้าอี้ไฟฟ้าของเอดาวร์ด “เดล” เดลลาคลออิค เจ้าหน้าที่เพอร์ซี่ก็ยังกลั่นแกล้งเดลจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตด้วยการจงใจละเลยการดูดซับฟองน้ำที่ใช้เพื่อเป็นสื่อนำกระแสไฟฟ้าไปที่หัวของเดลเพื่อให้ผู้ถูกประหารไม่ทรมาน สิ่งนี้ส่งผลให้เดลต้องทนทุกข์ทรมานนานกว่าจะเสียชีวิตอย่างเจ็บปวดมากเมื่อไม่มีน้ำเป็นสื่อกลางจนร่างกายของเขาลุกติดไฟจากกระแสไฟฟ้าในขณะที่ผู้ชมที่ตื่นตระหนกพยายามหนีออกจากห้องผู้คุมส่วนใหญ่รู้ดีจากประสบการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นและพอลบีบคั้นให้เพอร์ซี่ยอมรับตั้งใจทำให้ เดลต้องทรมานจาการถูกเผาไหม้แบบนั้นแต่แน่นอนเค้าไม่ยอมรับในสิ่งที่เค้าก่ออย่างแน่นอนและไม่กลัวที่จะโดนไล่ออกเพราะเค้าเส้นใหญ่พอ ก่อนที่ทุกคนจะวางแผนจับเพอร์ซี่ไปขังไว้ในห้องขังเดี่ยวเพื่อต้องการให้สำนึกในผิดที่เค้าก่อไว้ก่อนที่จะกระแทกหน้าเค้าไปหนึ่งทีพร้อมข้อตกลงที่จะไม่กลั่นแกล้งนักโทษคนอื่นอีก

พอลขอให้เบนจามินใช้พลังของเขาในการรักษาภรรยาของหัวหน้าพัศดีเรือนจำที่เค้าสนิทเป้นการส่วนตัวผู้ป่วยหนักจากอาการเนื้องอกสมอง เขาจัดการวางยานักโทษคนอื่นและล็อคเจ้าหน้าที่เพอร์ซี่ไว้ในห้องขังเดี่ยวอีกครั้งและเตรียมตัวจะไปที่บ้านของผู้คุม ในขณะนั้นนักโทษสุดเพี้ยนวอลตั้นละเมอตื่นขึ้นมาชั่วครู่และคว้าแขนของคอฟฟี่เอาไว้ ทำให้จอห์น คอฟฟี่ได้สัมผัสกับความทรงจำของวอลตั้นและรู้ว่าที่จริงแล้วเขาเป็นฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าเด็กผู้หญิงสองคนในคดีที่เค้าถูกกล่าวหา ซึ่งในความเป็นจริงจอห์น คอฟฟี่ เบนจามินถูกจับในขณะที่เขาอยู่ในที่เกิดเหตุและพยายามที่จะคืนชีพเหยื่อทั้งสองแต่ไม่เป็นผลทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่าเค้าเป็นคนก่อเหตุ

แม้ว่าหัวหน้าพัศดีไม่เต็มใจเท่าไหร่นักที่จะอนุญาตให้เบนจามินเข้าถึงตัวภรรยาที่ป่วยกำลังจะตาย แต่เนื่องจากไม่มีอะไรจะเสียและเป็นความสมัครใจของผูเป่วย เขาจึงยินยอมให้รักษาภรรยาของเค้าโดยใช้วิธีเดิมคือใช้ปากดูดสสารบางอย่างออกจากร่างกายของเธอ เมื่อกลับไปที่คุกเบนจามินกลับมีอาการป่วยหนักแทนซึ่งดูเหมือนสสารบางอย่างที่เขาเอาออกจากภรรยาของหัวหน้าผู้คุมจะยังอยู่ในตัวเค้า ก่อนที่จะถือจังหวะที่เจ้าหน้าที่ตัวป่วนเพอร์ซี่เข้ามาใกล้จับแล้วปล่อยสสารพวกนั้นไปในตัวของเพอร์ซี่ดูเหมือนเพื่อเป็นการแก้แค้นที่ทำให้เดลต้องทรมาน เบนจามินอธิบายการกระทำของเขาสั้นๆโดยบอกว่าพวกเค้าเป็น “คนเลว”

พอลพูดคุยกับเบนจามินถึงความเป็นไปได้ในการหลบหนีเนื่องจากเขาไม่ต้องการทำลายสิ่งที่เชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ของพระเจ้า แต่เบนจามินบอกพอลว่าเขาผ่านประสบการณ์กับความโหดร้ายของมนุษยชาติมามากเพียงพอแล้วและเขาพร้อมที่จะตายเมื่อพูดถึงว่าเขาไม่เคยรับชมภาพยนตร์มาก่อนในชีวิตพอลจึงพาเบนจามินเข้าไปดูภาพยนตร์ตลกเรื่องTop Hat(1935)ท็อปแฮท ภาพยนตร์เพลงแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่ทำให้พอลลำรึกถึงเรื่องนี้ เป็นคำขอสุดท้ายต่อมาในคืนนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่คุ้มกันเบนจามินไปที่ห้องประหารเบนจามินข้ออีกอย่างว่าไม่อยากสวมหน้ากากคุมหัวเหตุเพราะเขากลัวความมืด ก่อนที่จะสั่งการประหารชีวิตเบนจามินผู้ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่รู้ว่าเค้าไม่มีความผิดแต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้

พอลในวัยเกษียณเล่าเรื่องราวของเขามาถึงตอนสุดท้าย และบอกว่าการประหารชีวิตของเบนจามินเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาและโฮเวลดูแลหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ลาออกจากการเป้นเจ้าหน้าที่และรับงานในทัณฑสถานเยาวชน พอลมีอายุยืนยาวกว่าบุคคลทั่วไปร่วมไปถึงมิสเตอร์จิงเกิ้ลเมาส์หนูสัตว์เลี้ยงของเดลก็ยังมีชีวิตอยู่ที่เคยได้รับการชุบชีวิตจากคอฟฟี่ พอลอธิบายว่าพลังการรักษาของเบนจามินทำให้เขามีอายุยืนยาวที่ไม่ธรรมดาเชื่อว่าการมีอายุยืนยาวของเขาคือการลงโทษจากพระเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยนกับการรักษาของเบนจามินทำให้เขาอายุยืนกว่าครอบครัวและเพื่อนคนอื่นๆและทำให้ตระหนักว่าขนาดหนูตัวเล็กอย่างจิงเกิลส์มีชีวิตอยู่มาหกสิบปีแล้วและสงสัยว่าชีวิตของเขาจะต้องมีชีวิตต่อไปอีกนานเพียงใด เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับกระแสตอบและรับคำวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ดี  เว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังอย่างรอตเทนโทเมโทส์ได้รับการจัดอันดับความเห็นชอบ 94% จากความคิดเห็นจากนักวิจารณ์ทั้งหมด126 รายการโดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ ผลความคิดเห็นส่วนใหญ่นักวิจารณ์ของเว็บไซต์บอกว่า” แม้ว่า The Green Mile 1999 จะเป็นภาพยนตร์ที่มีความยาวแต่มัน เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความรู้สึกที่น่าดึงดูดและมีพลังทางอารมณ์ ” อีกทั้งMetacritic หรือริดิค เว็บไซต์ที่รวบรวมบทวิจารณ์ภาพยนตร์และสื่อต่างๆให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ 61/100 คะแนน จากความคิดเห็นจากนักวิจารณ์ทั้งหมด 36 รายการต่างให้คำวิพากษ์วิจารณ์ไปในเชิงบวก

#The Green Mile 1999 ( ปาฏิหาริย์แดนประหาร พ.ศ. 2542 )    #หนังยุโรป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *